🔹1. ดูทิศทางลมและแสงแดด
การวางทิศของบ้านให้เหมาะสมกับทิศทางลมและแสงแดด จะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากกระแสลมและแสงแดดได้ ทำให้การระบายถ่ายเทอากาศและความร้อนระหว่างภายนอกและภายในเป็นไปอย่างสมดุลยิ่งขึ้น เช่น บ้านที่หันหน้ารับลมจากทิศใต้ หรือตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเปิดช่องรับลมทิศดังกล่าว จะทำให้อากาศในบ้านระบายถ่ายเทได้ดี
🔹2. มีฉนวนกันความร้อน แผ่นสะท้อนความร้อน
ความร้อนส่วนใหญ่ มักจะเข้าสู่ตัวบ้านทางด้านหลังคามากที่สุด เพราะฉะนั้นควรติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนใต้หลังคา และ หากมีฉนวนกันความร้อนเสริมเข้าไปด้วย จะช่วยทำให้บ้านของคุณอยู่สบายขึ้นอย่างแน่นอน
🔹3. มีฝ้าชายคา ช่วยระบายความร้อน
อากาศร้อนภายในบ้านที่เกิดขึ้นจะสะสมอยู่ภายใต้หลังคาบ้าน และมักจะระบายออกที่ชายคารอบบ้านของคุณ การติดตั้งฝ้าชายคาบ้านจะส่งผลทำให้ความร้อนที่มีอยู่ในตัวบ้านออกไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้อุณหภูมิในบ้านไม่สูงจนเกินไป
🔹4. มีช่องรับแสงและช่องรับลมในปริมาณที่พอดี
ภายในบ้านควรมีประตูหน้าต่างในปริมาณที่พอดี เพื่อเปิดให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ควรใช้กระจกเป็นวัสดุประกอบเยอะจนเกินไป เช่น บ้านสไตล์นอร์ดิกที่มักใช้กระจกเป็นวัสดุหลักจำนวนมาก มีผลทำให้ตัวบ้านร้อนอบอ้าว
4 เคล็ดลับข้างต้นสามารถช่วยให้เราเลือกซื้อบ้านที่อยู่สบายได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ อีกเคล็ดลับแถมท้ายคือ ให้เข้าไปดูบ้านที่สนใจในช่วงเวลาเที่ยง -บ่าย 2 โมง ซึ่งแดดกำลังจัด และจะดีมากหากบ้านนั้นไม่ได้เปิดแอร์เพิ่มความเย็น เพราะเราจะสามารถทราบอุณหภูมิที่แท้จริงในบ้านเลยว่าร้อนในระดับไหนค่ะ
ยกตัวอย่าง บ้านตัวอย่างของโครงการบ้านอารัญ ARAN จะไม่ได้เปิดแอร์ตอนที่ลูกค้าเข้าชม สามารถเข้าชมได้ตลอดเลยค่ะ เพื่อดูอากาศภายในบ้านว่าเป็นอย่างไร เพราะเรามั่นใจในวัสดุที่เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นสะท้อนความร้อน ฉนวนกันความร้อน ฝ้าชายคา จากแบรนด์SCG ทั้งหมดถูกคัดสรรมาเพื่อช่วยกันความร้อนและระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี การันตีได้จากผู้เข้าชมมากมายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะ 😊
📍 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอเข้าชมโครงการได้ที่
📌inbox เพจ : m.me/aranladya
💚Line : @aranladya (มี@ นำหน้าด้วยค่ะ)
☎️เบอร์โทรศัพท์ : 091-794-4728